[OS] CNN : Don’t tell you

OS : Don’t tell you
Pairing : Chansung x Junho
writer : Aatb @ThaihottestA
Rate : G

 

 IMG_0152

 

 

 

อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ

I wanna get close to you. I wanna know you since we first met…

 

ใจฉันสั่นเมื่อได้ยินเสียงเธอ

My heart’s racing when I heard your voice…

 

ตั้งแต่วันแรกเจอ ก็เผลอเอาไปคิดละเมอ

Since the day we’ve met, I’ve been dreaming ’bout you…

 

คุณเคยแอบรักใครสักคนไหม?

 

ใครสักคนที่คุณเพียงแค่นึกถึงเขาก็ทำให้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคุณ…

 

ใครสักคนที่คุณคิดถึงเขาจนเผลอเก็บเอาไปฝันละเมอทุกค่ำคืน…

 

ใครสักคนที่ทำให้คุณตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอจนยากที่จะถอนตัว…

 

ผมกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้น…

 

สถานการณ์ของหัวใจที่มันกำลังแอบรักใครสักคนโดยที่เขาไม่รู้ตัว…

 

…………………………………………….

 

“เฮ้ยไอ้ชาน!!”

 

ปึก!

 

หัวสมองผมมึนตื้อไปหมดเมื่อโดนไอ้ลูกสีน้ำตาลกลมๆ กระแทกเข้าที่หัวอย่างจัง

 

ให้ตายสิ ผมไม่น่ามัวเหม่อเลย! เจ็บชะมัด ลูกบาสมันไม่ใช่นิ่มๆ นะเฮ้ย!

 

ผมหันขวับไปส่งสายตาขุ่นๆ ให้แทคยอนที่ยืนหัวเราะผมท้องขัดท้องแข็งโดยไม่คิดจะรู้สึกสำนึกที่ทำผมเจ็บ เลยแม้แต่น้อย แต่ช่างเขาเถอะ เขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าให้แทคยอนห่วง เขาคงจะห่วงอยู่แค่กับแฟนเขาล่ะนะ

 

ผมสะบัดหัวไล่ความมึนที่ยังรู้สึกหนึบๆ อยู่บริเวณศีรษะก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ออกไปเก็บลูกบาสที่กลิ้งหลุนๆ ออกนอกสนามไป

 

กึก

 

ผมหยุดยืนมองลูกบาสสีน้ำตาลที่กลิ้งไปหยุดอยู่แทบเท้าของใครคนหนึ่ง เขาก้มลงหยิบลูกบาสขึ้นมาแล้วเดินเข้ามาส่งคืนให้ผมที่ยืนนิ่งค้างอยู่ที่ เดิม…

 

“รับไปสิ ^^”

 

เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามาใกล้ๆ 

I lose my breath everytime you’re near.

 

แค่เธอยิ้มมาก็สั่นไปทั้งหัวใจ 

Your smile made my heart throbbed.

 

อยากจะบอกเธอให้ได้รับรู้ความในใจ 

 I want to tell you my feeling.

 

“ข…ขอบคุณครับ”

 

ผมรับลูกบาสจากมือคนตรงหน้ามาถือไว้ อุณหภูมิรอบตัวผมดูสูงขึ้นจนน่าตกใจ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายผมพลันเต้นแรงราวกับว่าผมเพิ่งไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลมา ยังไงยังงั้น เหงื่อมากมายผุดขึ้นตามใบหน้าและเนื้อตัวเหมือนผมอยู่ในห้องอบซาวน่าทั้งๆ ที่อากาศรอบตัวก็ดีและมีลมพัดหอบเอาความเย็นมากระทบผิวอยู่เนืองๆ..

 

ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันหยุดหมุนพร้อมกับรอยยิ้มที่คนตรงหน้าส่งมาให้…

 

สรรพสิ่งรอบข้างดูเงียบกริบราวกับว่าหูผมดับสนิท ได้ยินเพียงแค่เสียงหวานนุ่มที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของคนตรงหน้า

 

ภาพที่จุนโฮส่งยิ้มให้ผมมันยังคงติดตรึงตาตรึงใจอยู่ในมโนสำนึกราวกับผม กดสต็อปภาพนั้นไว้ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้วก็ตาม แต่ภาพนั้นมันกลับค่อยๆ กลายเป็นภาพสโลวโมชั่นที่ดำเนินไปอย่างช้าๆ ราวกลับจะตอกย้ำและรีเพลย์เข้ามาในหัวของผมอยู่อย่างนั้น

ดวงตาเรียวเล็กที่มองมามีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่ในนัยน์ตาคู่สวยนั่น ริมฝีปากสีสดที่คลี่ยิ้มกว้างส่งยิ้มมาให้ผม มันกำลังทำให้ผม…

 

ทำให้ผมกำลังจะบ้าตายเพราะความรักที่มันล้นอยู่ในอก…

 

แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ ว่าเธอคิดเช่นไร 

But I don’t know if it’s too soon. Since I don’t know how you feel about me.

 

ถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่ 

If I said it out but then you say no to me.

 

ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะเดินหนีไป 

If it goes on like this, you’d walk away from me.

 

ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ๆ 

It’s already good enough to feel you near,

 

ได้ยินเสียง ได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล 

to heard your voice, to take care of you closely.

 

จะซ่อนความลับเอาไว้ในหัวใจ 

I’ll keep this secret close to my heart.

 

มากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไป 

I won’t say it out no matter how strong my feeling has for you.

 

ผัวะ!

 

“โอ้ยยยย” ผมแทบหน้าขมำเมื่อไอ้พี่ชายตัวแสบมันเดินเข้ามาตบหัวผมอย่างแรงจนผมหลุดออก จากภวังค์สีชมพูของตัวเอง ก่อนจะหันไปส่งค้อนให้แทคยอนพร้อมกับยกมือลูบหัวตัวเองปอยๆ

 

นี่เขาจะประทุษร้ายผมไปถึงไหน!

 

“อีกแล้วนะมึง ก็ได้แค่มองล่ะวะ แอบชอบเขามาตั้งกี่ปีก็ยังไม่มีความกล้าจะไปบอกเขาสักที มึงก็อดแดกต่อไปแล้วกัน” ตบบ่าผมสองทีเป็นเชิงปลอบใจก่อนจะฉวยลูกบาสในมือผมไปถือแล้วเดินกลับเข้า สนามบาสไปโดยไม่สนใจใยดีน้องชายสุดที่รักอย่างผมที่ยืนขมุบขมิบปากว่าเขาตาม หลังไป

 

เฮ้อ…แล้วถ้าผมบอกเขาไป แล้วคำตอบมันไม่ใช่…

 

ถ้าเป็นแบบนั้นผมยอมแอบรัก แอบมองเขาอยู่ห่างๆ แบบนี้จะดีกว่า…

 

ผมเดินคอตกกลับไปนั่งบนแสตนด์ข้างสนามบาสแทนที่จะกลับไปเล่นต่อ ผมหมดอดอารมณ์จะเล่นบาสต่อแล้ว

 

เฮ้อออออ ผมควรจะต้องทำยังไง?

 

อึดอัดเหลือเกิน ต้องเก็บเอาไว้ข้างใน 

It’s so frustrating that I have to keep these feelings inside.

 

อึดอัดหัวใจแต่ก็กลัวว่าถ้าพูดไป กลัวว่าจะต้องเสียใจ 

My heart suffers but I’m too scared that if I say it out, it’d be sad.

 

ผมตัดสินใจหยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินออกจากสนามบาสไปโดยไม่สนใจเสียงเรียกของไอ้พี่ชายที่ตะโกนเรียกผมอยู่ข้างหลัง

 

อี จุนโฮ…

 

คือคนที่ผมแอบรักเขามาตลอดสามปี…

 

เป็นสามปีที่ผมมีความสุขเล็กๆ ในใจเพียงคนเดียวที่ได้แอบมองดูเขาอยู่ห่างๆ

 

เขาคือคนที่มีรอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา…

 

รอยยิ้มของเขาเหมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างจนผมไม่สามารถจะละสายตาจากเขาไปไหนได้…

 

ถ้าเขาคือดวงอาทิตย์ ผมคงเป็นดอกทานตะวันที่คอยเอาแต่หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์เพื่อรับแสงแดดแล้ว นำมาหล่อเลี้ยงจิตใจที่ห่อเหี่ยวของผมให้กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

 

ไม่รู้ทำไม… ผมถึงได้รักเขามากขึ้นทุกวัน… ผมอยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มนั่น อยากเป็นคนที่ได้เดินจูงมือเขาตอนกลับบ้าน อยากเป็นเจ้าของเสียงหัวเราะใสๆ

อยากกอดเขาในยามที่เขาต้องการใครสักคน…

 

ผมอยากเป็นคนที่ยืนเคียงข้างเขาเสมอทั้งในยามทุกข์และสุข…

 

แต่ผมไม่มีความกล้าพอที่จะพูดคำนั้นออกไป…

 

อยากจะบอกให้เธอได้รู้ใจ 

I want you to know my feeling.

 

ที่จริงก็อยากจะบอกคำนั้นไป 

I really want to say that word.

 

แต่กลัวเหลือเกิน ว่าจะต้องเสียใจ 

But I’m too scared that it’d be sad.

 

หากเธอรับไม่ได้ เธอคงไม่ยอมให้อภัย กับคำนั้น 

‘Cause if you denied my feeling, you wouldn’t forgive that word.

 

โว้ยยยยยย!! ทำไมผมมันขี้ขลาดขนาดนี้นะ!!

 

ผมเดินเตะก้อนหินก้อนดินไปตามทางเดินหน้าโรงเรียน คิดไว้ว่าจะเข้าไปเดินในสวนสาธารณะใกล้ๆ โรงเรียนก่อนกลับบ้านซะหน่อย เผื่ออารมณ์ห่อเหี่ยวของผมมันจะดีขึ้น

 

ผมอยากเข้าไปคุยกับจุนโฮจัง…

 

จุนโฮเรียนชั้นเดียวกับผม แต่เราไม่เคยคุยกันเลย อาจเป็นเพราะผมไม่กล้าที่จะพูดคุยกับเขาตรงๆ เวลาเจอหน้ากันเขาจะยิ้มให้ผม แต่ผมกลับหลบตาเขาซะงั้น จะให้ทำไงได้เล่า ก็ผมเขินจนไม่กล้าสบตาเขาเลย…

 

และวันนี้คงเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยืนตรงหน้าเขาและสบตากับเขาตรงๆ มันเป็นความรู้ที่ยากเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

 

ผมสุขที่หัวใจจริงๆ เหมือนผมกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ ผมอยากจะบอกคำนั้นกับเขาไปเลยในตอนนั้น…

 

มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมมีความกล้ามากพอที่จะเข้าไปพุดคุยกับเขาแล้วค่อยๆ ขยับความสัมพันธ์ของเราให้มันดีขึ้นเรื่อยๆ

 

“เอ้า ชานซอง”

 

เสียงเรียกข้างหน้าทำให้ผมที่เดินก้มหน้าคิดอะไรเพลินๆ อยู่เงยขึ้นไปมอง

 

“สวัสดีครับพี่คุณ ^^” ผมยิ้มทักทายพี่คุณที่กำลังเดินเข้ามาหาผม ข้างๆ เขามีผู้ชายแก้มป่องที่เรียนชั้นเดียวกันกับผม ยืนทำหน้าบึ้งกอดอกเดินตามหลังพี่เขาเข้ามาหาผมด้วย ดูท่าสองคนนี้กำลังงอนกันอยู่แหงๆ ดูจากท่าทางของอูยองที่ดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก

 

“แล้วนี่กำลังไปไหนหรอหืม? ให้พี่ไปส่งไหม?”

 

“อ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวผมจะไปเดินเล่นที่สวนใกล้ๆโรงเรียนซะหน่อย แหะๆ” ผมปฏิเสธน้ำใจของพี่คุณเพราะความเกรงใจบวกกับว่าผมตั้งใจจะไปเดินเล่นที่สวน นั่นจริงๆ อีกอย่าง…ผมไม่อยากจะเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองคนนี้ที่ตอนนี้เขาอาจกำลังมี ปัญญาง้องอนกันอยู่ด้วย

 

“งั้นหรอ…แล้วนั่นเป็นอะไรรึเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”

 

“เอ่อ…เปล่าครับ เมื่อกี้ผมเพิ่งโดนลูกบาสกระแทกหัวก็เลยมึนๆ อยู่นิดหน่อย”

 

“งั้นหรอ อืม โชคดีนะ เมื่อกี้พี่เห็น ’เขา’ เดินเล่นอยู่ในสวน ยังไงมีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ พี่ไปก่อนล่ะ”

 

ผมเบิกตาโตมองพี่คุณที่ตบบ่าให้กำลังใจผมก่อนที่พี่เขาจะหันกลับไปล็อกคอ อูยองที่ยังปั้นหน้าบึ้งอยู่ข้างหลังให้เดินตามเขาออกไป แต่ยังไม่ทันที่ผมจะหันไปบอกลา พี่คุณก็พูดสวนขึ้นมาซะก่อนด้วยประโยคที่กำลังแทงใจผมอย่างแรงในตอนนี้

 

“คิดซะว่าถ้าพรุ่งนี้โลกแตกหรือไม่เขาก็เราที่ต้องหายไป เราอยากจะบอกอะไรให้เขารู้ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก”

 

“….”

 

“ขืนถ้ามัวแต่เก็บไว้ ถ้าวันหนึ่งไม่มีโอกาสได้บอก จะเป็นเราเองนะที่จะเสียใจ”

 

ผมยืนนิ่งฟังพี่คุณพูดโดยไม่ได้ตอบอะไร ก่อนที่พี่เขาจะเดินออกไปพร้อมกับอูยอง

 

จริงอย่างที่พี่คุณพูด… ถ้าผมยังมัวไม่กล้าอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไหร่วันที่ผมรอคอยจะมาถึง…

 

ถ้าคำตอบมันไม่ใช่ ไม่ช้าก็เร็ว ผมก็ต้องเสียใจอยู่ดี สู้ที่จะบอกออกไปให้เขารับรู้ไปเลยดีกว่า…

 

คิดได้ดังนั้น สองเท้าของผมก็เริ่มก้าวออกไปข้างหน้า จุดหมายปลายทางคือสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกล จากที่ก้าวยาวๆ ก็กลายเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่ง หัวใจผมเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เดินเข้ามาในเขตของสวน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่ผมกำลังตามหา ใช้เวลาไม่นาน ผมก็เห็นแผ่นหลังที่ผมคุ้นเคยดีกำลังเดินทอดน่องอยู่บนทางเดินเท้าที่อยู่ ห่างจากผมไม่มากนัก ผมรีบวิ่งเข้าไปใกล้เขาทันทีก่อนจะหยุดเดินตามหลังเขาอยู่เงียบๆ ในใจก็คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยว่าจะหาทางเข้าไปคุยกับเขายังไงดี…

 

เป็นไงเป็นกันวะ!!!

 

ฮึบ!

 

ผมสูดอากาศเข้าเต็มปอดเหมือนกับปลุกใจเอาความกล้าที่ซ่อนอยู่ในก้นลึกของจิตใจให้มันออกมาก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปตีคู่ข้างๆ จุนโฮ

 

“อ้ะ ชานซอง?” จุนโฮดูจะตกใจไม่น้อยที่เห็นผม เขาเบิกตาโตหน่อยๆ ก่อนจะเลิกคิ้วมองผมพร้อมกับเรียกชื่อผมอย่างแปลกใจ

 

เอ่อ…แล้วผมควรจะพูดอะไรออกไปดี?

 

“เอ่อ…หวัดดีจุนโฮ ^^;” ผมแทบอยากจะตบปากตัวเองแล้วขุดหลุมฝังตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด มันเป็นคำทักทายที่ดูโง่มากๆ ฮวาง ชานซอง มั่นใจตัวเองหน่อยสิ!

 

“อ่า…หวัดดีชานซอง” จุนโฮลากเสียงงงๆ ก่อนจะพูดทักทายผมกลับ ยิ่งเขายิ้มยิ่งเขาสบตากับผมตรงๆแบบนี้มันแทบจะทำให้ผมอยากจะล้มลงไปกองกับ พื้น

 

ให้ตายสิ น่ารักเป็นบ้า!!

 

“แล้ว…แล้วกำลังจะไปไหนหรอ” ผมก้มหน้าหลบสายตาจุนโฮที่มองมาพยายามชวนเขาคุยไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกหัวใจผมมันเต้นแรงมากๆจนผมกลัวว่าเขาจะได้ยิน เฮ้ออ ทำไมมันตื่นเต้นอย่างนี้นะ

 

“ก็ว่าจะเดินเล่นในนี้นิดหน่อยแล้วก็ออกไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน แล้วชานซองล่ะ?”

 

“เอ่อ…ก็…ก็เหมือนจุนโฮนั่นแหละ ฮ่าๆ”

 

ยิ่งพูดยิ่งตอบเขาก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง… ทำไมผมถึงได้กลายเป็นผู้ชายโง่ๆ ห่วยๆ แบบนี้ต่อหน้าจุนโฮนะ!

 

“งั้นหรอ งั้นเราไปกินร้านตรงหัวมุมตรงนั้นดีมั้ย เพิ่งเปิดใหม่ ได้ข่าวว่าเขาทำอาหารอร่อยมากเลยล่ะ” จุนโฮหยุดชี้ให้ผมหันไปมองร้านอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนมากนัก มองจากตรงนี้ เป็นช่องว่างของต้นไม้ที่ทำให้มองออกไปเห็นร้านอาหารนั่นได้พอดี น้ำเสียงที่ดูกระดี๊กระด๊าของจุนโฮกำลังทำให้ผมแทบบ้า แล้วไหนจะคำพูดแบบนั้นอีก…

 

จุนโฮกำลังชวนผมไปกินข้าว!!!

 

นี่ผมกำลังฝันไปใช่ไหม ใครก็ได้ช่วยตบหน้าผมที!!!

 

“เฮ้ ฟังฉันอยู่รึเปล่าชานซอง อ้ะ เดี๋ยวนะ” จุนโฮชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับโบกมือหย็อยๆ อยู่ตรงหน้าเพื่อเรียกสติที่กำลังหลุดลอยไปของผมให้กลับคืนมา แต่พอผมได้สติก็แทบลมจับเพราะใบหน้าของเราห่างกันไม่มาก จุนโฮเบิกตาโตเหมือนกำลังจ้องอะไรบางอย่างอยู่บนหน้าผากผม ก่อนที่เขาจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อให้ระดับสายตาตัวเองอยู่ใกล้หน้าผากผม ให้มากที่สุด ก็เพราะผมเป็นคนตัวสูงใหญ่มากๆ ถ้าเทียบกับจุนโฮ จุนโฮดูตัวเล็กลงไปถนัดตาเลยล่ะ เขายกมือตัวเองขึ้นมาปัดๆ เขี่ยๆ อยู่ตรงบริเวณนั้น ผมแทบล้มทั้งยืนเมื่อปลายจมูกผมอยู่ห่างจากหน้าใบหน้าเขาเพียงแค่ไม่กี่ เซนต์ แล้วไหนจะสัมผัสแผ่วๆ บริเวณหน้าผากอีก…

 

อีจุนโฮ เขากำลังฆ่าผมทางอ้อมอยู่ใช่ไหม…

 

“ว๋า นึกว่าตัวอะไร ที่แท้ก็เศษใบไม้นี่เอง” จุนโฮบ่นพึมพำเบาๆ แต่ผมไม่ได้สนใจฟัง ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะกระเด้งออกมานอกอก วันนี้มันวันอะไรกันนะ ทำไมผมถึงได้ใกล้ชิดกับจุนโฮได้มากมายขนาดนี้

 

“ชานซองเป็นอะไรรึเปล่า หน้านายแดงมากๆ เลย O_O” จุนโฮเขยิบถอยหลังมองหน้าผมชัดๆ ดวงตาเรียวเล็กนั่นเบิกกว้างมองผมก่อนที่เขาจะขยับตัวเดินเข้ามาใกล้ผมอีก ครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นทำท่าจะแตะหน้าผากผมเผื่อวัดไข้ ผมก็รีบยกมือขึ้นจับรั้งข้อมือเขาเอาไว้ก่อนจะรีบปล่อยแล้วขยับตัวเดินถอย หลังออกห่างจากเขาโดยอัตโนมัติพร้อมกับที่ผมยกมือตัวเองทั้งสองข้างขึ้นกุม บริเวณตำแหน่งหัวใจที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองที่มันยังคงเต้นถี่รัวไม่หยุด

 

“เอ๋? เป็นอะไรรึเปล่าชานซอง?” จุนโฮมองผมงงๆ แต่ก็ไม่ได้เขยิบเข้ามาใกล้เหมือนเมื่อกี้ เขายืนมองท่าทางของผมอย่างคนสงสัยปนมึนงง ผิดกับผมที่แทบจะทรุดตัวลงไปนั่งกองกับพื้นอยู่ร่อมร่อ

 

ทำไมจุนโฮถึงได้มีอิทธิพลต่อหัวใจผมได้มากขนาดนี้นะ!

 

แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอที่ผมได้ใกล้ชิดกับเขาเหมือนอย่างที่ผมได้วาดฝันไว้…

 

นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี…

 

“เราไปร้านนั้นกันเถอะ ฉันหิวแล้วล่ะ”

 

ผมสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหาจุนโฮ ถือวิสาสะจับมือนิ่มๆ นั่นแล้วพาเขาออกเดิน จูงมือเขาเดินไปบนทางเดินของสวนเพื่อออกไปทางประตูทางออกที่อยู่ไม่ไกล หัวใจผมยังคงเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ลุ้นว่าจุนโฮจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของผมไหม แต่ผมก็ต้องประหลาดใจ เมื่อผมเหลือบตาไปมองเขาที่เดินเงียบอยู่ข้างๆ

 

ผมแอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าใสของเขา พร้อมกับใบหูของเขาที่ขึ้นสีแดงเรื่อ…

 

หัวใจผมพองโตอีกครั้ง อย่างน้อยมันก็เป็นสัญญาณที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นที่ผมจะตั้งใจประคับประครองมันให้ถึงฝันที่ผมวาดไว้

 

ฝันของผมกับจุนโฮ ♥

 

 

อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ

I wanna get close to you. I wanna know you since we first met…

 

 

 

THE END

 

 

 

ถึงแม้เรื่องจะจบ… แต่เรื่องราวความรักระหว่างผมกับจุนโฮเพิ่งจะแค่เริ่มต้นเท่านั้น :)

 

 

 

 

 

____________________________________________

เรื่องนี้วูบ แบบวูบจริงๆ คือชอบฟังเพลงนี้มากตอนนี้ คือชอบแบบไม่มีเหตุผล 555555

บังเกิดวันช็อตดวกๆ ขึ้นมา สั้นๆ ง่ายๆ ไม่มีอะไรเลย อ๊ากกกกก

 

ภาษาไม่สวยขออภัย ไม่ได้เช็คหรือทวนเลยสักนิดT^T

 

3 thoughts on “[OS] CNN : Don’t tell you

  1. แค่เธอยิ้มมาก็สั่นไปทั้งหัวใจ

    Your smile made my heart throbbed.

    อ๊ายยยยย ยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าเลยเรา เป็นนะเวลาเห็นพี่แทคหรือนูนอยิ้ม หัวใจสั่นแรงจริงๆ
    โดยเฉพาะกับพี่แทคเป็นบ่อย ชอบมากคะ ^^

  2. หึยยยย. น่ารักอ่ะ นี่แสดงว่าต่างคนต่างชอบกันเเน่ๆ โอ้ย เขินๆๆๆ

  3. อื้ออ …มาอ่านต่ออีกนิด เรื่องนี้สั้นจิงๆ แต่อ่านแล้ว น่ารักดีค่ะ อ่านไปเห็นภาพตัวละครไปด้วย น่ารักจิงๆ
    หมีแอบเขินนุ้ง นุ้งก็แอบหน้าแดง แสดงว่าแอบชอบเค้าเหมือนกันล่ะสินุ้ง เค้าจับมือกะให้เค้าจับน่ะ น่าจะมีต่อ ชะมะค๊ะเรื่องนี้ เห็นบอกเรื่องราวความรักของผมกะจุนโฮ เพิ่งเริ่มต้นน่ะ …… รอ รอ

ชื่อไม่ต้องใส่ก็เม้นท์ได้จ้า